วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555


อ้างอิง


http://www.oknation.net/blog/nun2504/page78
http://www.koratdailynews.com/2012/08/13/
users1.jabry.com/trainingcenter2/parwatsakon3.pdf
http://e-book.ram.edu/e-book/inside/html/dlbook.asp?code=PE291
http://www.indumestic.com/?paged=2
สรุป

   ถ้าหากเราปลูกฝังจิตใจของคนที่อยู่ในสังคม คือรู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย ภายใต้มวยสากลซึ่งเป็นสิ่งที่ยกระดับจิตใจให้เป็นคนมีน้ำใจนักกีฬา คือ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย หรือหากเน้นคุณค่าของกีฬาว่า ๑. พัฒนาร่างกายแข็งแรงแน่นอน ๒. พัฒนาอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ได้ดีแน่นอน เพราะอารมณ์เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้คนอยู่ในสังคมได้หรือไม่ได้ ใครก็ตามควบคุมตัวเองไม่ได้ บางครั้งก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้ อยู่ในสังคมไม่ได้ มนุษย์ถ้าหากรู้จักควบคุมอารมณ์โดยใช้กีฬามาพัฒนาอารมณ์  ด้านสังคมเช่นเดียวกัน กีฬานั้นทำให้เรามาอยู่ร่วมกันภายใต้กฎกติกา ทำให้สังคมเกิดความสมานฉันท์ เกิดความสงบสุข ด้านสติปัญญาไม่ต้องพูดถึง กีฬาทุกอย่างพัฒนาสติปัญญาอย่างแน่นอน พัฒนาตั้งแต่เริ่มเรียน เริ่มรู้ เริ่มพัฒนา เพราะคนที่เล่นกีฬาได้นั้นก็จะต้องมีทักษะทางด้านไอคิวอยู่ ๒ ไอคิว ทักษะในด้านการวิเคราะห์ว่าคู่ต่อสู้เก่งจุดไหน คู่ต่อสู้อ่อนจุดไหน แล้วเราเก่งจุดไหน อ่อนจุดไหน แต่ทักษะหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ทักษะในการสังเคราะห์ ซึ่งกีฬาทุกอย่างนั้นมีเป้าหมายหลักว่าจะชนะเขาได้อย่างไร คนเหล่านี้มีด้านจิตใจ ด้านวิเคราะห์ การสังเคราะห์ในสมองในตัว เพื่อให้เกิดทักษะในการพัฒนาไปสู่กระบวนการเท่านั้นเอง

บทวิเคราะห์


         ในช่วงชีวิตมนุษย์เราทุกคน มีความปรารถนาอยากให้ตนเองมีสุขภาพพลานามัยเเข็งเเรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายทั้งปวง เหมือนดั่งคำกล่าวทางศาสนาที่ว่าไว้ คือ  อโรคยาปรมา ลาภา  แปลว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ สิ่งที่กล่าวมานี้นับว่าเป็นเป้าหมายที่สำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตคนเราทุกคน แต่จะทำอย่างไรเราจึงจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีอย่างที่ตั้งความหวังเอาไว้ซึ่งจะเเสดงออกมาโดยดูจากเเนวทางการปฏิบัติตนของเเต่ละบุคคล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวบ้างก็พยายามรักษาความสะอาดของร่างกายสิ่งของเครื่องใช้ บ้างก็เลือกรับประทานอาหารที่ดี หรือ ให้ประโยชน์ ตามทัศนะของตน บ้างก็เน้นเรื่องการนอนหลับพักผ่อน บ้างก็เลือกการอาศัยอยู่ในห้องที่มีสภาพเเวดล้อมที่เหมาะสม บ้างก็หมั่นไปตรวจสุขภาพ หรือปรึกษาเเพทย์เป็นประจำ และบ้างก็หาเวลาว่างในการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ก็เเล้วเเต่ภูมิหลังของเเต่ละบุคคลไปเเต่ทุกคนก็จะมุ่งไปที่เป้าหมายเรื่องเดียวกันคือ ทำอย่างไรจะให้ตนเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรงสมบูรณ์ จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบพื้นฐานหลายด้าน เช่น สภาพทางร่างกาย สภาวะทางโภชนาการ สุขนิสัยและสุขปฏิบัติ สภาวะทางจิตใจ สติปัญญาเเละสภาวะทางอารมณ์ที่สดชื่นเเจ่มใส ซึ่งความสัมพันธ์ของร่างกายเเละจิตใจนี้ ได้มีคำกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า สุขภาพจิตที่เเจ่มใส อยู่ในร่างกายที่เเข็งเเรง  หมายความว่า การที่บุคคลจะมีสุขภาพที่สดชื่นเเจ่มใสได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีร่างกายเเข็งแรงสมบูรณ์ด้วย ซึ่งกีฬามวยสากลก็สื่อถึงสิ่งนี้ด้วยที่จะสามารถสร้างคนและพัฒนาคนไปสู่การเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของสังคม


แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับวิชานิเวศวิทยามนุษย์ 
  
  1. การพัฒนาศักยภาพทางด้านร่างกาย และจิตใจ

ศิลปะการต่อสู้  มีพัฒนาการควบคู่มากับวิถีชีวิต ซึ่งมีลักษณะผสมผสานด้านการต่อสู้เพื่อใช้ป้องกันตัวและต่อต้านการุกรานของชนเผ่าอื่น แล้วยังรวมเอาการแสดงศิลปะลีลาของการใช้อาวุธธรรมชาติ อันมีความหลากหลายพิสดารน่าดูไว้ด้วย ตามลักษณะนิสัยของคนที่ชอบการแสดงออกถึงความสนุกสนานร่าเริงและเป็นมิตร อีกทั้งกีฬามวยสากลยังเป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับและแพร่หลายไปทั่วโลกอีกด้วย ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ

 2. การพัฒนาศักยภาพทางด้านความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวิจารณญาณในการดำรงชีวิต


    มวยสากล เป็นกิจกรรมที่นำความแข็งแรงของร่างกายมาพัฒนาภายใต้กฎภายใต้กติกา เพื่อสร้างคุณธรรม จริยธรรมให้คนนั้นเป็นพลเมืองดีและเป็นคนดีของสังคม มีกระบวนงานทำให้คนนั้นเกิดกระบวนการมีน้ำใจที่สูงยิ่งคือ น้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ภายใต้สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาด้านต่าง ๆ มวยสากลสามารถที่จะสร้างคนและพัฒนาคนไปสู่การเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของสังคม และก่อให้เกิดกระบวนการงานในเรื่องการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการเมือง ด้านการต่างประเทศ


 3. การพัฒนาศักยภาพทางด้านสติปัญญา
                  มวยสากลนั้นเป็นสื่อในการใช้กิจกรรมในการพัฒนาร่างกายให้แข็งแรง เป็นสื่อในการที่จะป้องกันตัวจากภัยอันตรายต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนสังคมและชาติในแง่มิติกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเรียน รู้จากการศึกษา องค์ความรู้ที่ได้มาจากการเล่นกีฬามวยสากล หากมารวมกันก็จะเกิดตกตะกอนที่แท้จริง เป็นหารนำองค์ความรู้ ประสบการณ์และแนวคิดต่าง ๆ มาให้ตกตะกอนเพื่อเป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิตต่อไป




วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

            ประวัติและความเป็นมา


 กำเนิดมวยสากล
                มวยสากลเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ โดยเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของทหารในสนามรบ และกลายเป็นเกมกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิคยุคโบราณ โดยที่นักมวยในยุคนั้นไม่มีการจ้ากัดน้ำหนัก ไม่สวมเครื่องป้องกันตัว และไม่จำกัดว่าต้องใช้ได้เพียงหมัด สามารถกัดหรือถองคู่ต่อสู้ได้ โดยไม่มีกติกามากนัก เพียงแต่นักมวยทั้งคู่ต้องถอดเสื้อผ้าให้หมดทั้งตัว เพื่อไม่ให้ซ่อนอาวุธเอาไว้ จนกระทั่งในปี พ.. 2236 เจมส์ ฟิกซ์ (James Figg) ผู้ชนะเลิศการต่อสู้ด้วยมิอเปล่าชาวอังกฤษได้กำหนดกฎกติกาในการชก จนได้รับการเรียกขานว่าเป็น " บิดาแห่งมวยสากล " และต่อมาก็ได้มีผู้สร้างนวมขึ้นมา แต่ยังไม่มีการใช้ จนกระทั่งในปี พ.. 2432 จอห์น แอล ซัลลิแวน (John L. Sulrivan) ผู้ชนะเลิศการชิงแชมป์มวยด้วยมือเปล่า ประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นชกด้วยมือเปล่าอีกต่อไป เป็นจุดเริ่มต้นของการชกด้วยการสวมนวม และได้พัฒนาจนมาเป็นเกมกีฬาที่มีกติกาชัดเจนเช่นในปัจจุบัน

             มวยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ว่าเป็นศาสตร์เพราะเป็นวิชาการที่ทุกท่าน อาจจะศึกษาหาความรู้ได้เช่นวิชาแขนงอื่นๆ และเป็นศิลป์อย่างสูงของนักมวยคนหนึ่งยากที่นักมวยอีกคนหนึ่งจะพึ่งปฏิบัติสืบทอดต่อไปได้ ดังที่ทุกท่านตระหนักดีว่า มวยเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวอย่างหนึ่งตามธรรมชาติ ปัจจุบันมีมวยอยู่ 2 ชนิดคือ มวยปล้้าและมวยชกแบ่งเป็น 2 แบบคือ ชกด้วยหมัด บวกกับการต่อสู้ด้วยเท้าตามแบบมวยไทย และชาติเพื่อนบ้าน โดยชกด้วยหมัดเพียงอย่างเดียว อันเป็นที่นิยมกันทั่วโลก เรียกว่า มวยสากล (Boxing)




ยุคสมัยมวยสากลในอดีต
             มวยสากลนั้นมีมานานแล้วตามหลักฐานซึ่ง Sir Ather Evan ได้ค้นพบเศษรูปสลักของนักมวยโบราณ ซึ่งแยกออกเป็นชิ้นๆ ในปี พ.ศ. 2443 ที่เมืองบอซซุส อันเป็นโบราณสถานเก่าแก่แห่งหนึ่งในเกาะ ครีตของประเทศกรีซ ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากหลักฐานท้าให้ทราบว่า มวยโบราณสมัยกรีกก่อนคริสต์ศักราช 

แบ่งออกเป็น 3 ระยะ

- ระยะแรก เป็นสมัยของโฮมเมอร์ ประมาณ 900-600 ก่อนคริสต์ศักราช ตอนนี้ใช้หนังอ่อนๆ ยาว 10-12 ฟุต พันตั้งแต่ข้อมือถึงข้อศอก จุดประสงค์เพื่อป้องกันมือของผู้ชก กติกาก็มีเพียงเล็กน้อยแต่ยุติธรรม มีความแข้มแข็ง กล้าหาญ ทนทาน และฝีมือดี จึงจัดว่าเป็นสิ่งส้าคัญ
- ระยะที่สอง ระหว่าง 400-200 ปี ก่อนคริสต์ศักราช มีการดัดแปลงเล็กน้อยคือ พันมือแน่นและหนักขึ้นกว่าเดิม และเป็นที่นิยมในสมัยนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องฝึกอย่างน้อย 9 เดือน เมื่อใกล้ถึงวันแข่งจริงจะท้าการจับคู่คล้ายกับปัจจุบัน วิธีการชกคือ นักมวยเข้าหากันเป็นเส้นตรง ชกกันตลอดเวลาไม่มีการพักยกจนกว่าข้างหนึ่งข้างใดจะหมดก้าลัง หรือยอมแพ้ ไม่มีผู้ตัดสิน และไม่มีก้าหนดน้้าหนัก
- ระยะที่สาม ระหว่าง 400 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ลงมาจนถึงสมัยโรมันรุ่งเรือง สมัยนี้การชกมวยเป็นการต่อสู้ของพวกพวก Giadaiors ซึ่งอาจจะตายไปข้างหนึ่งต่อมาในราวปี พ.ศ. 937 โรมันเสื่อมอ้านาจลง การชกมวยก็ได้เสื่อมไปด้วย
เมื่อครั้งโรมันเข้ายึดครองอังกฤษ ได้น้าเอามวยเข้าไปเผยแพร่ในอังกฤษด้วย ซึ่งนักบุญเบอร์นาร์ดได้เขียนเรื่องมวยในประเทศอิตาลีไว้อย่างละเอียด ในปี พ.ศ. 1783 ตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า มวยเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ฝึกคนให้เป็นอัศวิน



มวยสากลในประเทศไทย
              มวยสากลหรือที่เรียกในยุคแรกว่า "มวยฝรั่ง" เข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกราว พ.ศ. 2455 โดยได้แบบอย่างจากประเทศอังกฤษ ผู้น้ามาเผยแพร่คือหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล ครั้งแรกน้ามาเผยแพร่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และแพร่ต่อไปยังโรงเรียนต่างๆ มีการจัดแข่งขันมวยนักเรียนซึ่งเป็นแบบมวยสากลสมัครเล่น
ต่อมา พระยาคฑาธรบดีสีหบาลเมือง เช่าพื้นที่ด้านศาลาแดงของสวนลุมพินีจัดให้มีการละเล่นต่างๆ เรียกว่าสวนสนุก มีการสั่งนักมวยสากลจากต่างชาติมาชกโชว์เรียกว่า "เต็ดโชว์" เมื่อเป็นที่นิยมจึงมีการคัดเลือกนักมวยสากลชาวไทยข้นชกกับนักมวยต่างชาติเหล่านั้นในแบบมวยสากลอาชีพ การชกระหว่างนักมวยสากลชาวไทยกับต่างชาติมีขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2472 ในวันนั้น สุวรรณ นิวาศวัต นักมวยไทยชื่อดังขึ้นชกเป็นคู่แรก แพ้น็อค เทอรี่ โอคัมโป (ฟิลิปปินส์) ยก 4 ส่วนคู่ที่ 2 โม่ สัมบุณณานนท์ ชนะน็อค ยีซิล โคโรนา (ฟิลิปปินส์) ยก 4
             จากนั้นกีฬามวยสากลเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น มีนักมวยสากลชาวไทยชกชนะสร้างชื่อเสียงอยู่เนืองๆ เช่น สมพงษ์ เวชสิทธิ์ เป็นแชมป์มวยสากลของสิงคโปร์ ผล พระประแดงเป็นรองแชมป์โลกคนแรก จ้าเริญ ทรงกิตรัตน์ เป็นแชมป์ OPBF คนแรกและขึ้นชิงแชมป์โลกเป็นคนแรกด้วยแต่ไม่ส้าเร็จ แชมป์โลกชาวไทยคนแรกคือ โผน กิ่งเพชร ซึ่งได้ครองแชมป์เมื่อ พ.ศ. 2503 ปัจจุบัน (พ.ศ. 2550) 

ประเทศไทยมีแชมป์โลกทั้งสิ้น 37 คน ในจ้านวนนี้มีนักมวยที่สร้างสถิติโลกและเอเชียมากมายเช่น
 โผน กิ่งเพชร เป็นแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท 3 สมัย คนแรก
 แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ เป็นคนแรกที่ชกมวย 3 ครั้งแล้วได้เป็นแชมป์โลก
 เขาทราย แกแล็คซี่ ป้องกันแชมป์โลกได้มากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นสถิติโลกในรุ่น 115 ปอนด์
 เขาทราย แกแล็คซี่ และ เขาค้อ แกแล็คซี่ เป็นแชมป์โลกพี่-น้องคู่แฝด คู่แรกของโลก
 ชนะ ป.เปาอินทร์ และ สงคราม ป.เปาอินทร์ เป็นแชมป์โลกพี่-น้องคู่แฝด คู่ที่สองของโลก ซึ่งในปัจจุบัน (พ.ศ. 2551) ยังมีเพียง 2 คู่ในโลกเท่านั้น
 พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์ ป้องกันแชมป์โลกได้มากที่สุดในรุ่น 112 ปอนด์ และป้องกันแชมป์โลกรุ่นนี้ด้วยการชนะน็อคเร็วที่สุด




                                      มวยสากล (Boxing)




  • ประวัติความเป็นมา
  • แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับวิชานิเวศวิทยามนุษย์
  • บทวิเคราะห์
  • สรุป
  • อ้างอิง

       ประวัติและความเป็นมา



     กำเนิดมวยสากล
                    มวยสากลเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีมาแต่โบราณ โดยเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของทหารในสนามรบ และกลายเป็นเกมกีฬาในการแข่งขันโอลิมปิคยุคโบราณ โดยที่นักมวยในยุคนั้นไม่มีการจ้ากัดน้ำหนัก ไม่สวมเครื่องป้องกันตัว และไม่จำกัดว่าต้องใช้ได้เพียงหมัด สามารถกัดหรือถองคู่ต่อสู้ได้ โดยไม่มีกติกามากนัก เพียงแต่นักมวยทั้งคู่ต้องถอดเสื้อผ้าให้หมดทั้งตัว เพื่อไม่ให้ซ่อนอาวุธเอาไว้ จนกระทั่งในปี พ.. 2236 เจมส์ ฟิกซ์ (James Figg) ผู้ชนะเลิศการต่อสู้ด้วยมิอเปล่าชาวอังกฤษได้กำหนดกฎกติกาในการชก จนได้รับการเรียกขานว่าเป็น " บิดาแห่งมวยสากล " และต่อมาก็ได้มีผู้สร้างนวมขึ้นมา แต่ยังไม่มีการใช้ จนกระทั่งในปี พ.. 2432 จอห์น แอล ซัลลิแวน (John L. Sulrivan) ผู้ชนะเลิศการชิงแชมป์มวยด้วยมือเปล่า ประกาศว่าจะไม่ขอขึ้นชกด้วยมือเปล่าอีกต่อไป เป็นจุดเริ่มต้นของการชกด้วยการสวมนวม และได้พัฒนาจนมาเป็นเกมกีฬาที่มีกติกาชัดเจนเช่นในปัจจุบัน

                 มวยเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่ว่าเป็นศาสตร์เพราะเป็นวิชาการที่ทุกท่าน อาจจะศึกษาหาความรู้ได้เช่นวิชาแขนงอื่นๆ และเป็นศิลป์อย่างสูงของนักมวยคนหนึ่งยากที่นักมวยอีกคนหนึ่งจะพึ่งปฏิบัติสืบทอดต่อไปได้ ดังที่ทุกท่านตระหนักดีว่า มวยเป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวอย่างหนึ่งตามธรรมชาติ ปัจจุบันมีมวยอยู่ 2 ชนิดคือ มวยปล้้าและมวยชกแบ่งเป็น 2 แบบคือ ชกด้วยหมัด บวกกับการต่อสู้ด้วยเท้าตามแบบมวยไทย และชาติเพื่อนบ้าน โดยชกด้วยหมัดเพียงอย่างเดียว อันเป็นที่นิยมกันทั่วโลก เรียกว่า มวยสากล (Boxing)



    ยุคสมัยมวยสากลในอดีต
                 มวยสากลนั้นมีมานานแล้วตามหลักฐานซึ่ง Sir Ather Evan ได้ค้นพบเศษรูปสลักของนักมวยโบราณ ซึ่งแยกออกเป็นชิ้นๆ ในปี พ.ศ. 2443 ที่เมืองบอซซุส อันเป็นโบราณสถานเก่าแก่แห่งหนึ่งในเกาะ ครีตของประเทศกรีซ ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากหลักฐานท้าให้ทราบว่า มวยโบราณสมัยกรีกก่อนคริสต์ศักราช 

              แบ่งออกเป็น 3 ระยะ

    - ระยะแรก เป็นสมัยของโฮมเมอร์ ประมาณ 900-600 ก่อนคริสต์ศักราช ตอนนี้ใช้หนังอ่อนๆ ยาว 10-12 ฟุต พันตั้งแต่ข้อมือถึงข้อศอก จุดประสงค์เพื่อป้องกันมือของผู้ชก กติกาก็มีเพียงเล็กน้อยแต่ยุติธรรม มีความแข้มแข็ง กล้าหาญ ทนทาน และฝีมือดี จึงจัดว่าเป็นสิ่งส้าคัญ
    ระยะที่สอง ระหว่าง 400-200 ปี ก่อนคริสต์ศักราช มีการดัดแปลงเล็กน้อยคือ พันมือแน่นและหนักขึ้นกว่าเดิม และเป็นที่นิยมในสมัยนี้ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องฝึกอย่างน้อย 9 เดือน เมื่อใกล้ถึงวันแข่งจริงจะท้าการจับคู่คล้ายกับปัจจุบัน วิธีการชกคือ นักมวยเข้าหากันเป็นเส้นตรง ชกกันตลอดเวลาไม่มีการพักยกจนกว่าข้างหนึ่งข้างใดจะหมดก้าลัง หรือยอมแพ้ ไม่มีผู้ตัดสิน และไม่มีก้าหนดน้้าหนัก
    - ระยะที่สาม ระหว่าง 400 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ลงมาจนถึงสมัยโรมันรุ่งเรือง สมัยนี้การชกมวยเป็นการต่อสู้ของพวกพวก Giadaiors ซึ่งอาจจะตายไปข้างหนึ่งต่อมาในราวปี พ.ศ. 937 โรมันเสื่อมอ้านาจลง การชกมวยก็ได้เสื่อมไปด้วย
    เมื่อครั้งโรมันเข้ายึดครองอังกฤษ ได้น้าเอามวยเข้าไปเผยแพร่ในอังกฤษด้วย ซึ่งนักบุญเบอร์นาร์ดได้เขียนเรื่องมวยในประเทศอิตาลีไว้อย่างละเอียด ในปี พ.ศ. 1783 ตอนหนึ่งท่านกล่าวว่า มวยเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่ฝึกคนให้เป็นอัศวิน



    มวยสากลในประเทศไทย
                  มวยสากลหรือที่เรียกในยุคแรกว่า "มวยฝรั่ง" เข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกราว พ.ศ. 2455 โดยได้แบบอย่างจากประเทศอังกฤษ ผู้น้ามาเผยแพร่คือหม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล ครั้งแรกน้ามาเผยแพร่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และแพร่ต่อไปยังโรงเรียนต่างๆ มีการจัดแข่งขันมวยนักเรียนซึ่งเป็นแบบมวยสากลสมัครเล่น
    ต่อมา พระยาคฑาธรบดีสีหบาลเมือง เช่าพื้นที่ด้านศาลาแดงของสวนลุมพินีจัดให้มีการละเล่นต่างๆ เรียกว่าสวนสนุก มีการสั่งนักมวยสากลจากต่างชาติมาชกโชว์เรียกว่า "เต็ดโชว์" เมื่อเป็นที่นิยมจึงมีการคัดเลือกนักมวยสากลชาวไทยข้นชกกับนักมวยต่างชาติเหล่านั้นในแบบมวยสากลอาชีพ การชกระหว่างนักมวยสากลชาวไทยกับต่างชาติมีขึ้นครั้งแรกเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2472 ในวันนั้น สุวรรณ นิวาศวัต นักมวยไทยชื่อดังขึ้นชกเป็นคู่แรก แพ้น็อค เทอรี่ โอคัมโป (ฟิลิปปินส์) ยก 4 ส่วนคู่ที่ 2 โม่ สัมบุณณานนท์ ชนะน็อค ยีซิล โคโรนา (ฟิลิปปินส์) ยก 4
                 จากนั้นกีฬามวยสากลเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น มีนักมวยสากลชาวไทยชกชนะสร้างชื่อเสียงอยู่เนืองๆ เช่น สมพงษ์ เวชสิทธิ์ เป็นแชมป์มวยสากลของสิงคโปร์ ผล พระประแดงเป็นรองแชมป์โลกคนแรก จ้าเริญ ทรงกิตรัตน์ เป็นแชมป์ OPBF คนแรกและขึ้นชิงแชมป์โลกเป็นคนแรกด้วยแต่ไม่ส้าเร็จ แชมป์โลกชาวไทยคนแรกคือ โผน กิ่งเพชร ซึ่งได้ครองแชมป์เมื่อ พ.ศ. 2503 ปัจจุบัน (พ.ศ. 2550) 

    ประเทศไทยมีแชมป์โลกทั้งสิ้น 37 คน ในจ้านวนนี้มีนักมวยที่สร้างสถิติโลกและเอเชียมากมายเช่น
     โผน กิ่งเพชร เป็นแชมป์โลกรุ่นฟลายเวท 3 สมัย คนแรก
     แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ เป็นคนแรกที่ชกมวย 3 ครั้งแล้วได้เป็นแชมป์โลก
    เขาทราย แกแล็คซี่ ป้องกันแชมป์โลกได้มากที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นสถิติโลกรุ่น 115 ปอนด์
     เขาทราย แกแล็คซี่ และ เขาค้อ แกแล็คซี่ เป็นแชมป์โลกพี่-น้องคู่แฝด คู่แรกของโลก
    ชนะ ป.เปาอินทร์ และ สงคราม ป.เปาอินทร์ เป็นแชมป์โลกพี่-น้องคู่แฝด คู่ที่สองของโลก ซึ่งในปัจจุบัน (พ.ศ. 2551) ยังมีเพียง 2 คู่ในโลกเท่านั้น
    พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์ ป้องกันแชมป์โลกได้มากที่สุดในรุ่น 112 ปอนด์ และป้องกันแชมป์โลกรุ่นนี้ด้วยการชนะน็อคเร็วที่สุด




    แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับวิชานิเวศวิทยามนุษย์


    1. การพัฒนาศักยภาพทางด้านร่างกาย และจิตใจ

    ศิลปะการต่อสู้  มีพัฒนาการควบคู่มากับวิถีชีวิต ซึ่งมีลักษณะผสมผสานด้านการต่อสู้เพื่อใช้ป้องกันตัวและต่อต้านการุกรานของชนเผ่าอื่น แล้วยังรวมเอาการแสดงศิลปะลีลาของการใช้อาวุธธรรมชาติ อันมีความหลากหลายพิสดารน่าดูไว้ด้วย ตามลักษณะนิสัยของคนที่ชอบการแสดงออกถึงความสนุกสนานร่าเริงและเป็นมิตร อีกทั้งกีฬามวยสากลยังเป็นกีฬาที่ได้รับการยอมรับและแพร่หลายไปทั่วโลกอีกด้วย ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ

     2. การพัฒนาศักยภาพทางด้านความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรมและวิจารณญาณในการดำรงชีวิต


        มวยสากล เป็นกิจกรรมที่นำความแข็งแรงของร่างกายมาพัฒนาภายใต้กฎภายใต้กติกา เพื่อสร้างคุณธรรม จริยธรรมให้คนนั้นเป็นพลเมืองดีและเป็นคนดีของสังคม มีกระบวนงานทำให้คนนั้นเกิดกระบวนการมีน้ำใจที่สูงยิ่งคือ น้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกถึงการพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ ภายใต้สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาด้านต่าง ๆ มวยสากลสามารถที่จะสร้างคนและพัฒนาคนไปสู่การเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของสังคม และก่อให้เกิดกระบวนการงานในเรื่องการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านการเมือง ด้านการต่างประเทศ




     3. การพัฒนาศักยภาพทางด้านสติปัญญา
                      มวยสากลนั้นเป็นสื่อในการใช้กิจกรรมในการพัฒนาร่างกายให้แข็งแรง เป็นสื่อในการที่จะป้องกันตัวจากภัยอันตรายต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนสังคมและชาติในแง่มิติกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการเรียน รู้จากการศึกษา องค์ความรู้ที่ได้มาจากการเล่นกีฬามวยสากล หากมารวมกันก็จะเกิดตกตะกอนที่แท้จริง เป็นหารนำองค์ความรู้ ประสบการณ์และแนวคิดต่าง ๆ มาให้ตกตะกอนเพื่อเป็นแนวคิดในการดำเนินชีวิตต่อไป







    บทวิเคราะห์

    ในช่วงชีวิตมนุษย์เราทุกคน มีความปรารถนาอยากให้ตนเองมีสุขภาพพลานามัยเเข็งเเรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายทั้งปวง เหมือนดั่งคำกล่าวทางศาสนาที่ว่าไว้ คือ “ อโรคยาปรมา ลาภา “ แปลว่า ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ สิ่งที่กล่าวมานี้นับว่าเป็นเป้าหมายที่สำคัญอย่างหนึ่งของชีวิตคนเราทุกคน แต่จะทำอย่างไรเราจึงจะเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีอย่างที่ตั้งความหวังเอาไว้ซึ่งจะเเสดงออกมาโดยดูจากเเนวทางการปฏิบัติตนของเเต่ละบุคคล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวบ้างก็พยายามรักษาความสะอาดของร่างกายสิ่งของเครื่องใช้ บ้างก็เลือกรับประทานอาหารที่ดี หรือ ให้ประโยชน์ ตามทัศนะของตน บ้างก็เน้นเรื่องการนอนหลับพักผ่อน บ้างก็เลือกการอาศัยอยู่ในห้องที่มีสภาพเเวดล้อมที่เหมาะสม บ้างก็หมั่นไปตรวจสุขภาพ หรือปรึกษาเเพทย์เป็นประจำ และบ้างก็หาเวลาว่างในการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ ทั้งนี้ ก็เเล้วเเต่ภูมิหลังของเเต่ละบุคคลไปเเต่ทุกคนก็จะมุ่งไปที่เป้าหมายเรื่องเดียวกันคือ ทำอย่างไรจะให้ตนเป็นผู้ที่มีสุขภาพดีสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรงสมบูรณ์ จำเป็นต้องอาศัยองค์ประกอบพื้นฐานหลายด้าน เช่น สภาพทางร่างกาย สภาวะทางโภชนาการ สุขนิสัยและสุขปฏิบัติ สภาวะทางจิตใจ สติปัญญาเเละสภาวะทางอารมณ์ที่สดชื่นเเจ่มใส ซึ่งความสัมพันธ์ของร่างกายเเละจิตใจนี้ ได้มีคำกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “ สุขภาพจิตที่เเจ่มใส อยู่ในร่างกายที่เเข็งเเรง “ หมายความว่า การที่บุคคลจะมีสุขภาพที่สดชื่นเเจ่มใสได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีร่างกายเเข็งแรงสมบูรณ์ด้วย ซึ่งกีฬามวยสากลก็สื่อถึงสิ่งนี้ด้วยที่จะสามารถสร้างคนและพัฒนาคนไปสู่การเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่าของสังคม




    สรุป


           ถ้าหากเราปลูกฝังจิตใจของคนที่อยู่ในสังคม คือรู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย ภายใต้มวยสากลซึ่่งเป็นสิ่งที่ยกระดับจิตใจให้เป็นคนมีน้ำใจนักกีฬา คือ รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย หรือหากเน้นคุณค่าของกีฬาว่า ๑. พัฒนาร่างกายแข็งแรงแน่นอน ๒. พัฒนาอารมณ์ ควบคุมอารมณ์ได้ดีแน่นอน เพราะอารมณ์เป็นสิ่งที่บ่งบอกให้คนอยู่ในสังคมได้หรือไม่ได้ ใครก็ตามควบคุมตัวเองไม่ได้ บางครั้งก็อยู่ในโลกนี้ไม่ได้ อยู่ในสังคมไม่ได้ มนุษย์ถ้าหากรู้จักควบคุมอารมณ์โดยใช้กีฬามาพัฒนาอารมณ์  ด้านสังคมเช่นเดียวกัน กีฬานั้นทำให้เรามาอยู่ร่วมกันภายใต้กฎกติกา ทำให้สังคมเกิดความสมานฉันท์ เกิดความสงบสุข ด้านสติปัญญาไม่ต้องพูดถึง กีฬาทุกอย่างพัฒนาสติปัญญาอย่างแน่นอน พัฒนาตั้งแต่เริ่มเรียน เริ่มรู้ เริ่มพัฒนา เพราะคนที่เล่นกีฬาได้นั้นก็จะต้องมีทักษะทางด้านไอคิวอยู่ ๒ ไอคิว ทักษะในด้านการวิเคราะห์ว่าคู่ต่อสู้เก่งจุดไหน คู่ต่อสู้อ่อนจุดไหน แล้วเราเก่งจุดไหน อ่อนจุดไหน แต่ทักษะหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ ทักษะในการสังเคราะห์ ซึ่งกีฬาทุกอย่างนั้นมีเป้าหมายหลักว่าจะชนะเขาได้อย่างไร คนเหล่านี้มีด้านจิตใจ ด้านวิเคราะห์ การสังเคราะห์ในสมองในตัว เพื่อให้เกิดทักษะในการพัฒนาไปสู่กระบวนการเท่านั้นเอง